Monthly Archives: August 2013

“ไมเกรน” ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างสมอง

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 28 ส.ค. เกี่ยวกับผลการศึกษาชิ้นหนึ่ง ซึ่งจัดทำโดยทีมผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทวิทยาจากมหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกน ในเดนมาร์ก ได้รับการเผยแพร่ผ่านวารสารออนไลน์ “ประสาทวิทยา” ของสถาบันประสาทวิทยาอเมริกัน

โดยดร.เมสซูด อาชินา หนึ่งในผู้ร่วมประพันธ์งานวิจัย กล่าวว่า ทีมงานรวบรวมข้อมูลจากงานวิจัยเรื่องไมเกรน 20 ชิ้น ซึ่งตั้งข้อสมมติฐานเหมือนกันอยู่ข้อหนึ่งว่า จริงหรือไม่ที่ไมเกรนสามารถทำลายสมองของผู้ป่วย

ทีมงานจึงใช้วิธีเปรียบเทียบภาพการเอ็กซ์เรย์ด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ( เอ็มอาร์ไอ ) ระหว่างผู้ป่วยด้วยโรคไมเกรน กับผู้ที่มีสภาพร่างกายแข็งแรงดี ซึ่งผลการตรวจสอบพบว่า โครงสร้างสมองของผู้ที่เป็นไมเกรน “แตกต่าง” กว่าผู้ที่ไม่ได้ป่วยด้วยโรคดังกล่าว อาทิ ร่องรอยของ “การบาดเจ็บ” บริเวณเนื้อสีขาวของสมอง ซึ่งเป็นเนื้อเยื่อของระบบประสาทส่วนกลาง ที่ประกอบด้วยสมองและไขสันหลัง โดยส่วนนี้จะมีเส้นประสาทรวมอยู่เป็นจำนวนมาก

อาชินาย้ำว่า ผลที่ได้ยังเป็นเพียงเบื้องต้นและต้องอาศัยการศึกษาลงลึกในรายละเอียดอีกมาก แต่ข้อมูลอีกส่วนหนึ่งจากงานวิจัยระบุว่า ผู้ที่เป็นไมเกรนเสี่ยงต่อการเกิดภาวะบาดเจ็บบริเวณเส้นประสาทและเส้นเลือดบริเวณเนื้อเยื่อสมองส่วนสีขาวมากกว่าคนปกติถึง 68%

AIS 3G Pocket WiFi 21.6 Mbps: เปลี่ยน 3G ให้เป็น WiFi ส่วนตัว

ปัจจุบันความเร็วอินเตอร์เน็ต 3G มีความเร็วเพิ่มขึ้นจากแต่ก่อนมาก ทำให้ 3G เข้ามามีบทความในชีวิตประขำวันของเรามากขึ้น ผมเองเป็นอีกหนึ่งคนที่ขาดเน็ตไม่ได้เลย ถึงแม้ส่วนใหญ่จะหมดไปกับการเล่น แต่ก็จำเป็นต้องมี 3G สแตนบายไว้สำหรับทำงานนอกสถานที่หรือ มีงานด่วนเข้ามาในช่วงที่ผมไม่สามารถเข้าถึง WiFi ได้

หลายครั้งที่ผมต้องแชร์อินเตอร์เน็ต 3G หรือที่เราเรียกกันว่า WiFi Hotspot จากมือถือเพื่อให้ Notebook หรือมือถืออีกเครื่องที่ไม่มีเน็ต สามารถเล่นเน็ตได้ ปัญหาที่เจอไม่ใช่เรื่องความเร็ว 3G แต่เป็นเรื่องความร้อนของมือถือเครื่องที่ปล่อย WiFi Hotspot ที่จะร้อนมากๆ แบตก็หมดเร็ว อุปกรณ์ที่จะเข้ามาตอบโจทย์ผมและอีกหลายๆ คนที่ต้องมักจะใช้ WiFi Hotspot อยู่เป็นประจำก็คือ AIS 3G Pocket WiFi

การเลือกกิน whey protein ที่เหมาะกับกับตัวคุณ

do1

1. บุคคลที่สามารถดื่มนมได้(ทุกเพศ ทุกอายุ)

หมายความว่า ร่างกายมีความสามารถในการย่อย คาร์โบไฮเดรตในนม ซึ่งก็คือ น้ำตาลแลคโตส และโปรตีนในนม ซึ่งก็คือ เคซีน และเวย์ ซึ่งได้ตามปกติ ไม่มีอาการท้องเสีย หรือ ภูมิแพ้เกิดขึ้น คนกลุ่มนี้สามารถเลือกทานเวย์โปรตีนแบบ WPC หรือ whey protein แบบทั่วไปได้ ไม่จำเป็นต้องซื้อเวย์เกรด
สูงๆให้เปลืองเงิน

2. บุคคลที่ไม่สามารถดื่มนมทั่วไป แต่ สามารถดื่มนมเปรี้ยว และทานโยเกิร์ตได้(ทุกเพศ ทุกอายุ)

หมายความว่า ร่างกายของคุณมีปัญหาในการย่อยน้ำตาลแลคโตส เนื่องจากการที่ไม่ได้ดื่มนมเป็นเวลานานๆ ส่งผลให้ร่างกายหยุดสังเคราะห์เอนไซม์แลคเตสที่ทำหน้าที่ในการย่อยน้ำตาลแลคโตส อาการของคนกลุ่มนี้ก็คือ เมื่อดื่มนมแบบธรรมดาแล้ว จะเกิดอาการท้องเสีย จึงต้องเลี่ยงไปดื่มนมเปรี้ยวซึ่งผ่านกรรมวิธีใช้จุลินทรีย์ในการหมักย่อยน้ำตาลแลคโตสให้กลายเป็นกรดแลคติก (ที่ทำให้เกิดรสเปรี้ยวในนม) ซึ่งนอกจากช่วยให้คนที่ดื่มไม่ท้องเสียแล้ว นมเปรี้ยวก็ช่วยปรับสมดุลในทางเดินอาหารให้อยู่ในสภาวะที่เหมาะสมอีกด้วย คนกลุ่มนี้ จึงควรเลือกทานเวย์โปรตีนแบบ WPI ซึ่งมีน้ำตาลแลคโตสน้อยมากๆ หรือ เลือกซื้อเวย์แบบ Lactose free ดังนั้น ก่อนที่จะทำการซื้อ จึงควรแจ้งกับผู้จำหน่ายทุกครั้งว่า มีปัญหาในการย่อยน้ำตาลแลคโตส

3.บุคคลที่ ไม่สามารถดื่มนม และ นมเปรี้ยวได้(ทุกเพศ ทุกอายุ)

หมายความว่าร่างกายมีปัญหาภูมิแพ้นมแล้วครับ จึงควรเลี่ยงผลิตภัณฑ์ทุกชนิดที่มีนมเป็นส่วนผสม เพราะอาจจะทำให้เกิดภาวะภูมิแพ้นมได้ อาการจะเหมือนกับคนที่แพ้อาหารทะเลนั่นแหละครับ คนกลุ่มนี้ จึงควรเลือกโปรตีนที่ผ่านการย่อยให้เป็นสายกรดอะมิโนช่วงสั้นๆ ซึ่งไม่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ เช่น Hydrolyzed Whey Protein หรือ เลี่ยงไปทาน Beef Protein Isolate ก็ได้ ดังนั้น ก่อนที่จะทำการซื้อ จึงควรแจ้งกับผู้จำหน่ายทุกครั้งว่า มีปัญหาในการย่อยโปรตีนนม เพื่อที่ผู้จำหน่ายจะได้เลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมให้แก่คุณ

เผยเทคโนโลยีใหม่ ใช้”สายตา”ควบคุม”แท็บเล็ต”ได้

บริษัทด้านเทคโนโลยีซอฟท์แวร์ ออกแบบซอฟต์แวร์ตัวใหม่ ที่ผู้ใช้สามารถควบคุมการใช้งานแท็บเล็ตและสมาร์ทโฟนได้ด้วยการใช้การเคลื่อนไหวของดวงตา บริษัท ดิ อาย ไทรบ์ (The Eye Tribe) ก่อตั้งโดยนายซูน อัลส์ทรัพ โยฮันเซน นักศึกษาปริญญาเอกและเพื่อนอีก 3 คน จากมหาวิทยาลัยสารสนเทศโคเปนเฮเกน เมื่อปีก่อน ปัจจุบันอยู่ระหว่างการคิดค้นและพัฒนาเทคโนโลยีต้นแบบการควบคุมโดยใช้สายตา ซึ่งมีศักยภาพในการนำไปประยุกต์ใช้ในอุปกรณือิเล็กทรอนิกส์

โยฮันเซนกล่าวว่า ทางบริษัทกำลังมองหาผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ตที่จะรับเทคโนโลยีนี้ไปติดตั้งกับเครื่อง ไม่ว่าจะเป็นแอปเปิล ซัมซุง กูเกิล หรือไมโครซอฟต์ โดยผู้ใช้สามารถสั่งงานขั้นพื้นฐานได้โดยเพียงแต่กลอกลูกตาไปมา อาทิ พลิกหน้าหนังสืออี-บุ๊ก หรือเล่นเกม ซอฟต์แวร์จะใช้แสงอินฟราเรดที่สะท้อนออกจากม่านตา ซึ่งกล้องของอุปกรณ์ได้บันทึกไว้ ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเลื่อนหน้าจอ หรือคลิกบนหน้าจอได้ โดยใช้เพียงสายตา

ด้าน Sebastian Sztuk วิศวกรของบริษัทเปิดเผยว่า สิ่งที่บริษัททำการพัฒนาก็คือซอฟท์แวร์ที่สามารถใช้การควบคุมโดยสายตาในอุปกรณ์เทคโนโลยีมาตรฐานที่มีราคาไม่สูงเกินไปนัก ที่มีการผลิตออกมาจำนวนมาก เพื่อที่จะสามารถติดตั้งกล้องที่ผสมผสานเข้ากับอุปกรณ์แท็บเล็ตหรือสมาร์ทโฟนดังกล่าวได้